ดาวหางประกอบด้วยสามส่วนใหญ่ ๆ คือดาวหางประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ ใจกลางหัว หรือ นิวเคลียส (Nucleus) หัว หรือ โคมา (Coma) และหาง (tail) นิวเคลียสของดาวหางเป็น "ก้อนน้ำแข็งสกปรก" ประกอบด้วยน้ำแข็ง คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย และมีฝุ่นกับหินแข็งปะปนอยู่ด้วยกัน
เมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะ ให้น้ำแข็งระเหิดเป็นไอ และปล่อยก๊าซออกมาเกาะกลุ่มเป็นทรงกลมขนาดมหึมาล้อมรอบนิวเคลียส เรียกว่า โคม่า โคม่าอาจมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหลายล้านกิโลเมตรก็ได้
จากการศึกษาดาวหางในย่านความถี่อัลตราไวโอเลต พบว่า มีชั้นของไฮโดรเจน ห่อหุ้มดาวหางอีกชั้นหนึ่ง ไฮโดรเจนเหล่านี้เกิดจากไอน้ำที่แตกตัวอันเนื่องมาจากรังสีจากดวงอาทิตย์ ก๊าซและฝุ่นพุ่งเป็นลำออกจากนิวเคลียสในด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ หลังจากนั้นจะถูกลมสุริยะพัดให้ปลิวออกไปทางด้านหลัง
หางของดาวหางยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ หางก๊าซ หรือ หางพลาสมา หรือ หางอิออน ประกอบด้วยอิออนและโมเลกุลที่ส่องสว่างโดยการเรืองแสง ถูกผลักออกไปโดยสนามแม่เหล็กในลมสุริยะ ดังนั้นความผันแปรของลมสุริยะจึงมีผลต่อการเปลี่ยนรูปร่างของหางก๊าซด้วย หางก๊าซจะอยู่ในระนาบวงโคจรของดาวหาง และชี้ไปในทิศเกือบตรงข้ามดวงอาทิตย์พอดี หางอีกชนิดหนึ่งคือ หางฝุ่น ประกอบด้วยฝุ่นหรืออนุภาคอื่น ๆ ที่เป็นกลางทางไฟฟ้า ถูกผลักออกจากดาวหางด้วยแรงดันของรังสีในขณะที่ดาวหางใกล้ดวงอาทิตย์ หางของมันอาจยาวได้ถึงหลายร้อยล้านกิโลเมตร
ดาวหาง (Comet)เป็นวัตถุในท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัวเองประกอบด้วยฝุ่นผง ก้อนนำแข็งและก๊าซแข็งตัว และจะเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรีมาก ขณะที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะไม่มีหาง ไม่มีแสงสว่าง เมื่อ โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ พลังงานทั้งในรูปความร้อนและลมสุริยะ (อนุภาคมีประจุจะถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตอนและอิเล็คตรอน) ทำให้นำแข็งกลายเป็นไอ ดาวหางจะขยายตัวใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และพลังงานดังกล่าวจะผลักดันให้หางพุ่งในทิศตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ส่วนหางจะมีทั้งที่เป็นฝุ่น ก๊าซและโมเลกุลที่มีประจุไฟฟ้า
ดาวหางแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1.Periodical Comets คือ ดาวหางที่มีวงโคจรแน่นอน เช่นดาวหางฮัลเลย์จะมาปรากฏให้เห็นทุกๆ 76 ปี
2.Non-Periodical Comets คือดาวหางที่มีวงโคจรที่ไม่แน่นอน
ดาวหางแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1.Periodical Comets คือ ดาวหางที่มีวงโคจรแน่นอน เช่นดาวหางฮัลเลย์จะมาปรากฏให้เห็นทุกๆ 76 ปี
2.Non-Periodical Comets คือดาวหางที่มีวงโคจรที่ไม่แน่นอน
ข้อสันนิษฐานการเกิดดาวหางมี 3 ทฤษฎีด้วยกัน คือ
- ทฤษฎีแรก ดาวหางเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบนดาวเคราะห์
- ทฤษฎีที่สอง ดาวหางมีจุดกำเนิดมาจากฝุ่นละอองในอากาศ
- ทฤษฎีสุดท้าย กล่าวว่า ดาวหางเกิดขึ้นในระบบสุริยะเหมือนดาวเคราะห์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันชัดเจนถึงจุดกำเนิดของดาวหาง เพราะนานๆ จะมีดาวหางปรากฎ ให้สังเกต หรือศึกษา สักครั้งหนึ่ง แต่จากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ พอจะทราบเกี่ยวกับเส้นทางโคจร ของดาวหาง พอสมควร เส้นทางโคจรของดาวหาง มีความสลับซับซ้อน เพราะมีอิทธิพลมาจากแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ ขณะเดินทาง ดาวหางยิ่งเดินทางผ่านดาวเคราะห์มากเท่าใด ย่อมได้รับอิทธิพลแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ดวงนั้น มากเท่านั้น ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ดาวพฤหัสบดี ซึ่งมีมวลมาก จะส่งผลกระทบต่อการโคจรของดาวหางมาก นักดาราศาสตร์ สามารถที่จะคำนวณเส้นทางวงโคจรเดิม และวงโคจรในอนาคตของดาวหางได้ โดยศึกษาอิทธิพล ของสนามดึงดูดจากดาวเคราะห์ที่ดาวหางจะโคจรผ่าน
ควรรู้เกี่ยวเกี่ยวกับดาวหาง
- ดาวหางฮัลเลย์ (Halley) โคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดประมาณวันที่ 12-15 พฤษภาคม 1988 และวงโคจรของดาวหางนี้จะเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 76ปี แสดงว่า เราจะเห็นดาวหางฮัลเลย์อีกครั้งในปี ค.ศ.2064
- ดาวหาง Shoemaker - Levy 9 ชนดาวพฤหัสบดี เมื่อวันทื่ 18 กรกฎาคม 1988 ค้นพบโดย Carolyn Shoemaker ชาวอเมริกัน
- ดาวหาง Hale-Bopp ซึ่งค้นพบโดย Alan Hales และ Thomas Bopp ชาวอเมริกันได้ชื่อว่า เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุด เข้ามาใกล้โลกที่สุดระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.2538 ดาวหางที่จะมีส่วนประกอบของดาวหางแยกออกมาเป็น 3 ส่วน ซึ่งประกอบด้วยที่เป็นไอออนมีสีส้ม ส่วนที่เป็นโซเดียมมีสีเหลือง และส่วนที่เป็นฝุ่นผงมีสีเขียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น